กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แถลงจับกุมและตรวจยึดทรัพย์สินสองสามีภรรยา ที่ร่วมกันลักทรัพย์บริษัทแปรรูปแหนมชื่อดังย่านดอนเมือง มูลค่าความเสียหายเกือบ 400 ล้านบาท โดยจับกุมตัวผู้ต้องหา ดังนี้ 1.น.ส.นภษร หรือไข่มุก อายุ 39 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2063/2567 ลงวันที่ 7 พ.ค.2567 ฐานลักทรัพย์นายจ้าง ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน และ 2.นายธชธร อายุ 41 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 2064/2567 ลงวันที่ 7 พ.ค.2567 ฐานร่วมกันฟอกเงิน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในวัดชัยเภรีย์ ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยผู้ต้องหาที่1 เป็นหลานแท้ ๆ ของผู้เสียหาย
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ ประกอบด้วย
1. เงินสด (ไทยและ ตปท.) 14 รายการ (มูลค่า 3,848,640 บาท)
2. นาฬิกาข้อมือ 35 รายการ
3. โฉนดที่ดิน 34 รายการ
4. โลหะคล้ายทองคำ 59 รายการ (540 บาท)
5. วัตถุมงคล/พระเครื่อง 247 รายการ
6. สมุดบัญชี/กองทุน 19 รายการ
7. เครื่องประดับ 104 รายการ
8. เครื่องแต่งกาย 129 รายการ
9. กระเป๋าแบรนด์เนม 36 รายการ
10. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 7 รายการ
11. รถยนต์และจักรยานยนต์ หรู 5 รายการ
12. กรมธรรม์ 62 รายการ
13. อื่นๆ 29 รายการ
รวมทั้งหมด 780 รายการ มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท
โดยพฤติการณ์แห่งคดี สืบเนื่องจากประมาณปี 2566 บริษัทแปรรูปแหนมชื่อดังย่านดอนเมือง ได้รับแจ้งจากบริษัทที่เป็นคู่ค้ากันว่า ทางบริษัทฯค้างค่าสินค้า ประกอบกับผู้บริหารของบริษัทฯ ตรวจพบว่าเกิดความผิดปกติของสถานะการเงินและการบัญชีของบริษัทฯ จึงคาดว่าบริษัทฯน่าจะถูกโกง จึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ต่อมาได้มีการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนพบว่า น.ส.นภษร ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของเจ้าของบริษัทฯ ทำหน้าที่ดูแลด้านการเงินและการบัญชี เป็นผู้ลักเอาเงินของบริษัทฯไป โดยมีวิธีการกระทำความผิดคือ นำบัตร เอทีเอ็ม และเช็คเงินสดของบริษัทฯ โอนเงินเข้าบัญชีตัวเอง
ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนหลังพบว่า น.ส.นภษร ได้เริ่มกระทำความผิดตั้งแต่ช่วงปี 2556 – 2566 มีการทุจริตลักเอาเงินของบริษัทฯ ไปกว่า 1,000 ครั้ง จำนวนกว่า 396,229,584 บาท และมีการนำเงินดังกล่าวไปแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินต่างๆ เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์หรู และทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ จำนวนหลายรายการ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้ตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 7 จุด แบ่งเป็นพื้นที่จังหวัดปทุมธานี 5 จุด จังหวัดนครนายก 1 จุด และ จังหวัดนครราชสีมา 1 จุด พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 780 รายการ รวมมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 8 พ.ค.67 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ในที่สุด โดยผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ